top of page

Approach to Ectopic Pregnancy Overview Version

Writer's picture: MaytaMayta

Updated: Jan 30

การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic pregnancy) คือการตั้งครรภ์ที่ตัวอ่อนฝังตัวอยู่นอกโพรงมดลูก พบประมาณร้อยละ 2 ของการตั้งครรภ์ทั้งหมด และเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจทำให้มารดาเสียชีวิต โดยเฉพาะในไตรมาสแรก จึงถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องอาศัยการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันที

1. นิยามและตำแหน่งการตั้งครรภ์นอกมดลูก

  1. นิยาม

    • ภาวะที่ตัวอ่อน (embryo) ฝังตัวอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น ท่อนำไข่ รังไข่ ปากมดลูก แผลผ่าตัดคลอดเดิม หรือในช่องท้อง

  2. ตำแหน่งที่พบได้บ่อย

    • ท่อนำไข่ (Fallopian tube): มากกว่าร้อยละ 95

      • ส่วน ampulla ~75–80%

      • ส่วน isthmus ~12%

      • fimbrial end ~5%

      • interstitial ~2–3%

    • ตำแหน่งอื่น ๆ ที่พบได้น้อย:

      • Cervical pregnancy ~0.15%

      • Ovarian pregnancy ~0.15–3%

      • Cesarean scar pregnancy ~1:1,800 การตั้งครรภ์

      • Abdominal pregnancy ~1.3%

      • Heterotopic pregnancy (มีทั้งในมดลูกและนอกมดลูกพร้อมกัน) ~1:30,000 แต่เพิ่มถึง ~1% ในกลุ่มรักษามีบุตรยากด้วยเทคโนโลยี


 

2. ปัจจัยเสี่ยง (Risk Factors)

แม้ทุกคนที่ตั้งครรภ์จะมีความเสี่ยงเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ แต่บางคนมีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น

ปัจจัยเสี่ยง

ความเสี่ยง (เท่า)

ความเสี่ยงสูง


เคยผ่าตัดท่อนำไข่

21

ตั้งครรภ์หลังทำหมัน

9.3

เคยมีประวัติ ectopic pregnancy

8.3

เคยเป็นอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID)

7

ได้รับ Diethylstilbestrol (DES) ตอนอยู่ในครรภ์

5.6

ตั้งครรภ์ขณะใส่ห่วงคุมกำเนิด

4.5–10

ความเสี่ยงปานกลาง


ภาวะมีบุตรยาก (infertility)

2.5–21

มีคู่นอนหลายคน

2.1

ความเสี่ยงเล็กน้อย


เคยผ่าตัดอุ้งเชิงกราน

0.9–3.8

สูบบุหรี่

1.3–2.5

สวนล้างช่องคลอดบ่อย

1.1–3.1

มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตั้งแต่อายุน้อย

1.6


 

3. อาการและอาการแสดง (Symptoms & Signs)

  1. อาการ (Symptoms)

    • ปวดท้องน้อย: อาการที่พบบ่อยที่สุด (~95%)

    • เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

    • ขาดประจำเดือน (missed period)

    • อาจมีคลื่นไส้อาเจียนเล็กน้อยหรือไม่ก็ได้

  2. อาการแสดง (Signs)

    • กดเจ็บที่ปีกมดลูก และ cervical motion tenderness เมื่อโยกปากมดลูก

    • บางครั้งคลำได้ก้อนที่ปีกมดลูก (~20% ของผู้ป่วย)

    • อาจตรวจพบมดลูกโตขึ้นบ้าง (~25%) จากฮอร์โมนการตั้งครรภ์

    • หากถุงการตั้งครรภ์แตก อาจเกิด ภาวะเลือดออกในช่องท้อง → ช็อก (hypotension, tachycardia)


 

4. การวินิจฉัย (Diagnosis)

จำเป็นต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการ/อัลตราซาวด์ เพื่อวินิจฉัย ไม่เพียงอาศัยประวัติและตรวจร่างกาย

4.1 การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound)

  • Transvaginal Ultrasound (TVS): เห็นถุงการตั้งครรภ์ใน/นอกโพรงมดลูกชัดกว่าทางหน้าท้อง

  • ถ้า β-hCG > 1,500 mIU/mL แต่ไม่เห็นถุงการตั้งครรภ์ในโพรงมดลูก (via TVS) → สงสัย ectopic pregnancy




Ultrasound Signs of Ectopic Pregnancy

Ultrasound Signs of Ectopic Pregnancy

Tubal Ring Sign – โครงสร้างวงแหวนหนา รอบถุงการตั้งครรภ์ที่ฝังในท่อนำไข่ Ring of Fire Sign (Doppler) – การไหลเวียนเลือดสูงรอบถุงการตั้งครรภ์ในตำแหน่งผิดปกติ Bagel Sign (Donut Sign) – ก้อนลักษณะเป็นวง มีศูนย์กลางคล้ายถุงการตั้งครรภ์ที่ผิดตำแหน่ง Blob Sign – ก้อนลักษณะไม่ชัดเจน ขนาดเล็ก ใกล้รังไข่ บ่งชี้การตั้งครรภ์นอกมดลูกโดยไม่มีโครงสร้างวงแหวนชัดเจน Pseudogestational Sac – ถุงของเหลวในโพรงมดลูกที่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นถุงการตั้งครรภ์แท้จริง แต่ไม่มี double decidual sign Hemoperitoneum – พบของเหลวอิสระ (free fluid) ในอุ้งเชิงกรานหรือช่องท้อง โดยเฉพาะในกรณีท่อนำไข่แตก



4.2 การตรวจ β-hCG ในเลือด

  • hCG ตรวCจได้ตั้งแต่ ~8–10 วันหลังตกไข่

  • ถ้า β-hCG ในเลือดเป็น ศูนย์ → ไม่ตั้งครรภ์

  • Discriminatory level:

    • TVS → ~1,500 mIU/mL ควรเห็นถุงในโพรงมดลูก

    • TAS → ~6,500 mIU/mL ควรเห็นถุงในโพรงมดลูก

  • Doubling time (48 ชม.): การตั้งครรภ์ปกติ β-hCG ควรขึ้น ~66% หรือมากกว่า

    • ถ้าขึ้นไม่ถึง 66% → สงสัยการตั้งครรภ์ผิดปกติ (ectopic หรือ abortion)

    • แต่ ~15% ของ ectopic pregnancy อาจขึ้นเกิน 66% ได้ → จึงต้องติดตามต่อจนกว่าจะเห็นถุง


Simplified β-hCG Monitoring Algorithm


4.3 การขูดมดลูก (D&C)

  • ทำในกรณีไม่สามารถยืนยันว่าอยู่ใน/นอกโพรงมดลูก

  • เก็บชิ้นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก:

    • ถ้าพบ villi → แสดงว่าเป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติในโพรงมดลูก (ไม่นอกมดลูก)

    • ถ้าไม่พบ villi → เป็น ectopic pregnancy (หรือ pregnancy of unknown location) → รักษาต่อ

4.4 การส่องกล้อง (Laparoscopy)

  • Gold standard ในการวินิจฉัยเพราะเห็นพยาธิสภาพโดยตรง

  • ปัจจุบันไม่นิยมเป็นตัวเลือกแรก เนื่องจาก Ultrasound + β-hCG และ/หรือ D&C ช่วยวินิจฉัยได้เพียงพอ

  • อาจใช้เมื่อสงสัยภาวะที่ต้องผ่าตัดรักษาโดยด่วน


 

5. การบริหารจัดการ (Management)

การรักษาขึ้นกับความรุนแรงและสถานะของผู้ป่วย แบ่งเป็น 3 แนวทางหลัก

5.1 รักษาแบบประคับประคอง (Expectant Management)

  • ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่มีอาการ หรืออาการน้อย (ไม่มีภาวะเลือดออกในท้อง, สัญญาณชีพคงที่)

  • เงื่อนไขที่มักยอมรับ:

    • β-hCG < 1,000 mIU/mL

    • ค่า β-hCG ลดลงมากกว่า 50% ภายใน 7 วัน → คาดว่าการตั้งครรภ์ฝ่อเอง

  • ติดตาม β-hCG ต่อเนื่องทุกสัปดาห์จนกระทั่งตรวจไม่พบ

5.2 รักษาด้วยยา (Medical Management)

  1. Methotrexate (MTX)

    • กลไก: ยับยั้งการสร้าง DNA (folic acid antagonist) → หยุดการเจริญของ trophoblast

    • เงื่อนไข:

      • ก้อน < 4 ซม. (ไม่มี fetal heartbeat)

      • β-hCG < 5,000 mIU/mL (ยิ่งน้อยยิ่งโอกาสรักษาสำเร็จสูง)

      • ผู้ป่วย hemodynamic stable, ไม่มีภาวะเลือดออกในท้อง

    • ข้อห้ามใช้:

      • มีเลือดออกในช่องท้อง (แตกแล้ว)

      • ตับ ไต มีปัญหาการทำงาน

      • เม็ดเลือดผิดปกติ (WBC < 2,000, Platelet < 100,000)

      • ผู้ป่วยอาจมาติดตามผลไม่ได้

    • รูปแบบการให้ (Single-dose regimen เป็นที่นิยม):

      • MTX 50 mg/m^2 IM × 1 dose

      • ตรวจ β-hCG วันที่ 4, 7 ถ้าลดลง >15% → เจาะห่างเป็นรายสัปดาห์จนครบ

      • ถ้าลดลง <15% → อาจให้ MTX ซ้ำ

    • การติดตาม:

      • เจาะ β-hCG ทุกสัปดาห์จนกว่าจะเป็นศูนย์ (~27 วัน)

      • อาจมีอาการปวดท้องน้อยมากขึ้นช่วง 3–7 วันแรก (separation pain) แต่อย่าลืมระวังภาวะฉุกเฉินถ้าเจ็บมากหรือสัญญาณชีพเปลี่ยน

      • ระวังผลข้างเคียง: คลื่นไส้ อาเจียน แผลในกระเพาะ งดสุรา งด folic acid และงดเพศสัมพันธ์จนกว่าการรักษาจะจบ

5.3 การผ่าตัด (Surgical Management)

  • ใช้ในกรณี ประคับประคองหรือยาไม่ได้ผล, หรือถุงแตกมีเลือดออกมาก, หรือสงสัยมีปัญหาร้ายแรงอื่น

  • Laparoscopy หรือ Laparotomy ขึ้นกับความพร้อมและความเชี่ยวชาญ

    • Salpingostomy: กรณีต้องการอนุรักษ์ท่อนำไข่ เปิดกรีดท่อนำไข่ นำถุงตั้งครรภ์ออก แล้วปล่อยให้แผลปิดเอง (conservative surgery) → ติดตาม β-hCG ต่อเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเนื้อเยื่อตั้งครรภ์หลงเหลือ

    • Salpingectomy: ตัดท่อนำไข่ออก ใช้ในกรณีที่เสียหายรุนแรง, เลือดออกมากคุมไม่อยู่, หรือไม่ต้องการมีบุตรอีก


 

6. การซักประวัติและตรวจร่างกาย (Brief Summary)

6.1 History Taking

  • ประวัติรอบเดือนล่าสุด (LMP)

  • ปวดท้องน้อย: ตามหลัก LODCRAFTS (Location, Onset, Duration, Character, Radiation, Aggravating, Relieving, Timing, Severity)

  • ประวัติเลือดออกช่องคลอด

  • ประวัติการตั้งครรภ์ (เคยแท้ง, เคยตั้งครรภ์นอกมดลูก, เคยผ่าตัด)

  • อาการอื่นๆ: คลื่นไส้ อาเจียน, หน้ามืด, ซีด

  • ประวัติโรคประจำตัว: PID, มีบุตรยาก, สูบบุหรี่, ผ่าตัดอุ้งเชิงกราน

6.2 Physical Exam

  • Vital signs: ไข้, ความดันต่ำ, ชีพจรเร็ว (ภาวะช็อก)

  • Abdomen: กดเจ็บ, บางรายมีก้อน

  • Pelvic Exam (PV): กดเจ็บปีกมดลูก, Cervical motion tenderness, คลำได้ adnexal mass


 

7. Differential Diagnoses

  • Ovarian cyst rupture/torsion → ปวดเฉียบพลัน คลำได้ก้อน

  • Acute appendicitis → RLQ pain, ไข้, เบื่ออาหาร, rebound tenderness

  • Ureteric stone → ปวดบั้นเอวร้าวลงขาหนีบ, ปัสสาวะเป็นเลือด

  • Pelvic Inflammatory Disease (PID) → ตกขาวผิดปกติ, เจ็บปวดขณะโยกปากมดลูก, มีประวัติเพศสัมพันธ์เสี่ยง

  • Threatened/Incomplete abortion → เลือดออก+ปวดท้อง มีประวัติแท้งบุตร


 

8. แผนการรักษาในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Management)

  1. ประเมินสัญญาณชีพ (BP, HR, RR, Temp) และให้สารน้ำ (IV fluid)

  2. เจาะเลือด: CBC, β-hCG, หมู่เลือด, Crossmatch (เผื่อเตรียมเลือด)

  3. ให้ออกซิเจน ถ้าจำเป็น

  4. ตรวจ Ultrasound เร่งด่วน ประเมินของเหลวในช่องท้อง (ถ้าสงสัยถุงแตก)

  5. ถ้ามีภาวะช็อกหรือสงสัยถุงแตก → เตรียมผ่าตัด (Explore laparotomy หรือ laparoscopy)

  6. ถ้า Hemodynamically stable → พิจารณา MTX หรือการติดตามแบบ expectant


 

9. ข้อควรแนะนำผู้ป่วย (Advice)

  1. อธิบายโอกาสท้องนอกมดลูกซ้ำ ~10–14%

  2. หากสงสัยตั้งครรภ์ครั้งต่อไป ควรรีบมาตรวจเร็วที่สุด เพื่อตัดภาวะ ectopic

  3. ทำตามแผนรักษา

    • กรณีใช้ MTX → มาพบแพทย์ตามนัด, ตรวจเลือดตามกำหนด

    • งดสัมผัสยา/อาหารเสริมที่มี folic acid, งด NSAIDs, งดสุรา และงดมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะรับการประเมินครบ

  4. สังเกตอาการผิดปกติ

    • เลือดออกมาก, หน้ามืด, ปวดท้องรุนแรง → มาพบแพทย์ทันที

    • ติดตามผล β-hCG จนกว่าจะเป็นศูนย์

  5. วางแผนคุมกำเนิด หากยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เรื่องวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม

  6. ดูแลสุขภาพและปัจจัยเสี่ยง (เลิกสูบบุหรี่, ลดคู่นอน, ป้องกัน STI)


 

สรุป (Conclusion)

Ectopic pregnancy เป็นภาวะที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตหากถุงแตก การวินิจฉัยอาศัย Ultrasound และ β-hCG เป็นหลัก ส่วนการรักษาต้องเลือกตามสถานะผู้ป่วย: สังเกตอาการ ในรายที่ β-hCG ต่ำและลดลงเอง, Methotrexate ในรายที่เงื่อนไขเหมาะสม (unruptured, β-hCG ต่ำ, ไม่มี fetal heartbeat), หรือ การผ่าตัด ในกรณีแตก/อาการรุนแรงหรือรักษาด้วยยาไม่ได้ผล พร้อมทั้งให้คำแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงซ้ำและการกลับมาประเมินเร็วเมื่อสงสัยตั้งครรภ์ครั้งหน้า.

3 views0 comments

Recent Posts

See All

Yorumlar

5 üzerinden 0 yıldız
Henüz hiç puanlama yok

Puanlama ekleyin
Post: Blog2_Post

©2019 by Uniqcret

bottom of page