OSCE Guide: Blood Transfusion Procedure for Anemia in Lung Cancer (Hb 6 g/dL)
1. Identify and Verify Before Blood Transfusion
Introduction (แนะนำตัว)
สวัสดีครับ/ค่ะ ผมชื่อ... วันนี้ผม/ดิฉันจะมาให้เลือดเพื่อเพิ่มระดับฮีโมโกลบินให้คุณเพราะขณะนี้ระดับฮีโมโกลบินต่ำ (Hb 6 g/dL)
ถามยืนยันตัวตนผู้ป่วย:
"กรุณาบอกชื่อ นามสกุล และเลขที่ HN ของคุณหน่อยครับ/ค่ะ"
ตรวจสอบข้อมูลผู้ป่วยกับ ป้ายข้อมือ ว่าตรงกันครบ 3 ส่วน: ชื่อ, เลขที่ HN, กรุ๊ปเลือด
ถามผู้ป่วยเพิ่มเติมว่าเคยมีประสบการณ์ได้รับเลือดมาก่อนหรือไม่ และมีปัญหาอะไรบ้าง
ถามผู้ป่วยว่า กรุ๊ปเลือด อะไรเพื่อยืนยันว่าตรงกับถุงเลือด
ตรวจสอบข้อมูลถุงเลือด (Blood Bag Identification)
ตรวจสอบถุงเลือดและ ใบกำกับถุงเลือด:
ตรวจสอบ Unit number และ Blood type (หมู่เลือด) ว่าตรงกับผู้ป่วยหรือไม่
ตรวจสอบวันที่หมดอายุของถุงเลือด (blood bag expiration date) และความสมบูรณ์ของเลือด ไม่มีการแข็งตัวหรือการตกตะกอนผิดปกติ
ยืนยันทั้ง 3 ที่อีกครั้ง (ผู้ป่วย, ถุงเลือด, ใบกำกับถุงเลือด) ว่าตรงกันทั้งหมดก่อนเริ่มให้เลือด
Pre-Transfusion Vital Signs Monitoring
วัดชีพจรก่อนให้เลือด: ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, อุณหภูมิร่างกาย และอัตราการหายใจ
บันทึกผลชีพจรและความดันโลหิตเพื่อใช้เป็นค่าพื้นฐานในการติดตามภาวะผิดปกติระหว่างการให้เลือด
Pre-Medication (การให้ยาป้องกัน)
ให้ยาลดการแพ้หรือป้องกันปฏิกิริยาการแพ้ เช่น Chlorpheniramine (CPM) 10 mg IV เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
2. Aseptic Blood Transfusion Procedure
Prepare the Blood Transfusion Set
ตรวจสอบชุดถ่ายเลือด (blood transfusion set) ว่าอยู่ในสภาพที่ดีและสะอาด
ไล่อากาศออกจากสายถ่ายเลือด: ใช้น้ำเกลือล้างสายการถ่ายเลือดเพื่อลดฟองอากาศ
ใช้ aseptic technique ตลอดการใส่สาย ให้ทำการเช็ดข้อต่อของสายต่างๆ ด้วยแอลกอฮอล์ก่อนที่จะทำการเชื่อมต่อ
Start Transfusion (เริ่มให้เลือด)
เชื่อมต่อสายถ่ายเลือดกับผู้ป่วย ด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ (aseptic technique)
เริ่มให้เลือด 1 ถุงในเวลา 4 ชั่วโมง (1 unit PRBC over 4 hours)
Record Form: จดบันทึกชีพจร ความดันโลหิต อุณหภูมิ และอัตราการหายใจ ทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรก และ ทุกชั่วโมงจนกว่าจะให้เลือดครบ 4 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังปฏิกิริยาการให้เลือด
Monitor for Transfusion Reactions (การเฝ้าระวังปฏิกิริยาจากการให้เลือด)
เฝ้าระวังอาการผิดปกติ เช่น ไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง ผื่นคัน หรือหายใจลำบาก หากพบให้หยุดการให้เลือดทันที
หากพบอาการเหล่านี้ต้องรายงานและจัดการทันที เช่น ให้ยาต้านฮีสตามีนหรือยาแก้แพ้ และประเมินอาการผู้ป่วยต่อไป
3. Precautions and Possible Complications (ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น)
ABO Incompatibility (การให้เลือดหมู่เลือดไม่เข้ากัน)
ภาวะนี้เกิดเมื่อเลือดที่ให้ไม่เข้ากับหมู่เลือดของผู้ป่วย ทำให้เกิดการแตกของเม็ดเลือดแดง (hemolysis) ส่งผลให้มีไข้ ปวดหลัง ความดันต่ำ และปัสสาวะเป็นเลือด (hemoglobinuria) ต้องหยุดการให้เลือดทันที และให้การรักษาประคับประคอง (supportive care)
Anaphylactic Reaction (ภาวะแพ้รุนแรง)
อาการแพ้ที่เกิดอย่างรวดเร็ว เช่น ผื่น หอบ หายใจลำบาก ความดันต่ำ ต้องหยุดให้เลือดทันที และให้ยาเช่น antihistamine, corticosteroid หรือ adrenaline ตามความเหมาะสม
Volume Overload (TACO: Transfusion-Associated Circulatory Overload)
ภาวะนี้เกิดเมื่อเลือดที่ให้มากเกินความต้องการของผู้ป่วย ทำให้เกิดการบวมน้ำ (fluid overload) และมีอาการหายใจลำบาก ความดันโลหิตสูง และน้ำท่วมปอด (pulmonary edema) ควรให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดปริมาณน้ำส่วนเกิน
TRALI (Transfusion-Related Acute Lung Injury)
ภาวะนี้เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยกับส่วนประกอบของเลือด ทำให้เกิด อาการหายใจลำบากอย่างเฉียบพลัน และน้ำท่วมปอดที่ไม่เกี่ยวกับภาวะหัวใจล้มเหลว (non-cardiogenic pulmonary edema) ภายใน 6 ชั่วโมงหลังจากการให้เลือด
อาการที่พบได้แก่ หายใจลำบาก, ภาวะพร่องออกซิเจน (hypoxia), ไข้ และความดันโลหิตต่ำ
การรักษา: หยุดการให้เลือดทันที และให้การรักษาประคับประคองด้วยออกซิเจนหรือการช่วยหายใจตามความเหมาะสม
Comments