top of page

คุณลักษณะและการจัดระบบบริการปฐมภูมิในประเทศไทย

  • Writer: Mayta
    Mayta
  • Nov 4, 2024
  • 1 min read

การบริการปฐมภูมิ (Primary Health Care) มีบทบาทสำคัญในระบบสาธารณสุข เนื่องจากเป็นจุดแรกที่ประชาชนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม การจัดการระบบบริการปฐมภูมิตามมาตรฐานนั้นมีการกำหนดคุณลักษณะตามหลัก 5C เพื่อให้การดูแลสุขภาพมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกมิติที่จำเป็น รวมถึงมาตรฐานการจัดระบบบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (PCU) ซึ่งมีการวางแผนให้เหมาะสมกับจำนวนประชากรในแต่ละพื้นที่ บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดของการบริการปฐมภูมิและการจัดระบบตามมาตรฐานที่กำหนดไว้


 

1. คุณลักษณะของการบริการปฐมภูมิตามหลัก 5C

หลักการ 5C เป็นคุณลักษณะสำคัญที่การบริการปฐมภูมิจะต้องมีเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนได้อย่างครบถ้วน ดังนี้:

  1. Contact Point (จุดติดต่อแรก):การบริการปฐมภูมิเป็นด่านแรกที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย มีความสะดวกในการเดินทางและไม่ซับซ้อน เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้ารับบริการสุขภาพและสร้างความเชื่อมั่นในความพร้อมของระบบการดูแลด้านสุขภาพ

  2. Continuous (การดูแลต่อเนื่อง):การดูแลสุขภาพในระบบปฐมภูมิเน้นที่การให้บริการอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่การเข้ารับการรักษาครั้งเดียว แต่จะมีการติดตามผลและการประเมินอาการเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพเป็นระยะ ซึ่งมีผลต่อการป้องกันการเกิดโรคซ้ำและลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยในอนาคต

  3. Comprehensive (การดูแลครบวงจร):การบริการปฐมภูมิต้องครอบคลุมทุกด้านของการดูแลสุขภาพ รวมถึงการป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพ การรักษาโรค และการฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพแบบครบวงจรในทุกๆ มิติของสุขภาพ

  4. Coordination (การประสานงาน):หน่วยบริการปฐมภูมิต้องมีการเชื่อมโยงและประสานงานกับหน่วยบริการด้านสุขภาพอื่น ๆ อย่างเป็นระบบ เช่น โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อให้การดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดการขาดช่วงในการรักษา

  5. Community Participation (การมีส่วนร่วมของชุมชน):การบริการปฐมภูมิที่มีประสิทธิภาพต้องได้รับการสนับสนุนจากชุมชน โดยส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาบริการสุขภาพ ตลอดจนการมีส่วนร่วมในกระบวนการดูแลสุขภาพเพื่อให้การดูแลเป็นไปตามความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง


 

2. มาตรฐานการจัดระบบบริการปฐมภูมิในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (Primary Care Unit หรือ PCU) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการให้บริการปฐมภูมิแก่ประชาชนในชุมชน โดยมุ่งหวังให้ประชาชนได้รับการดูแลด้านสุขภาพที่ใกล้ชิดและทั่วถึง ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้:

2.1 การจัดหน่วยบริการปฐมภูมิ

  • ขนาดและพื้นที่การให้บริการ: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแต่ละแห่งจะให้บริการประชากรไม่เกิน 10,000 คน โดยมีสถานที่ตั้งที่ประชาชนสามารถเดินทางมารับบริการได้ภายใน 30 นาที เพื่อความสะดวกในการเข้าถึง

2.2 มาตรฐานการบริการ

  • บริการรักษา ฟื้นฟู ส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะมีการให้บริการที่ครอบคลุมในทุกด้าน เช่น การดูแลหญิงตั้งครรภ์ การวางแผนครอบครัว การดูแลสุขภาพเด็ก การเยี่ยมบ้าน และการจัดบริการที่สอดคล้องกับสุขภาพชุมชน โดยให้บริการในลักษณะการเข้าถึงเชิงรุก เช่น เยี่ยมบ้าน 10-15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และการดูแลเด็ก 1-8 ครั้งต่อเดือน

  • บริการทันตกรรม: จัดให้มีบริการทันตกรรมอย่างน้อย 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสม

  • เปิดบริการอย่างน้อย 56 ชั่วโมงต่อสัปดาห์: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะเปิดทำการอย่างน้อย 56 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อให้บริการแก่ประชาชนทั้งในเวลาปกติและในกรณีฉุกเฉิน

2.3 การส่งต่อและเครือข่าย

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยภายในเครือข่ายและระหว่างหน่วยบริการทุกระดับ เพื่อให้การดูแลรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รวมถึงการส่งต่อข้อมูลการรักษาอย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องและไม่เกิดการขาดช่วงในการรักษา

2.4 บุคลากรที่ให้บริการ

เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพอย่างครอบคลุมและมีคุณภาพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจำเป็นต้องมีบุคลากรที่เหมาะสมในแต่ละสาขา ดังนี้:

  • พยาบาล/เจ้าหน้าที่สาธารณสุข: มีอัตราส่วน 1 ต่อประชากร 1,250 คน โดยมีพยาบาลวิชาชีพ 1 ต่อ 4

  • แพทย์: มีอัตราส่วน 1 ต่อประชากร 10,000 คน หรือใช้พยาบาลวิชาชีพแทนในอัตรา 2 ต่อ 1

  • ทันตแพทย์: มีอัตราส่วน 1 ต่อประชากร 20,000 คน หรือใช้ทันตาภิบาลแทนในอัตรา 2 ต่อ 1

  • เภสัชกร: มีอัตราส่วน 1 ต่อประชากร 15,000 คน หรือใช้เจ้าพนักงานเภสัชกรรมแทนในอัตรา 2 ต่อ 1


 

ความสำคัญของการบริการปฐมภูมิในระบบสาธารณสุข

การบริการปฐมภูมิเป็นเสาหลักของระบบสุขภาพ เนื่องจากเป็นการเข้าถึงการดูแลที่ต้นน้ำ ซึ่งมีความสำคัญในการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพในระดับชุมชน การบริการที่มีการประสานงานอย่างต่อเนื่องและมีส่วนร่วมจากชุมชนทำให้การดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงสุด อีกทั้งยังช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรทางการแพทย์ในระบบสุขภาพของประเทศ

การจัดระบบบริการปฐมภูมิในลักษณะนี้เป็นการสร้างความยั่งยืนและความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศไทย เป็นการส่งเสริมสุขภาพเชิงรุกให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึง ป้องกันและลดความเสี่ยงจากโรคภัยที่อาจเกิดขึ้นในชุมชนและเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวม

Recent Posts

See All

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
Post: Blog2_Post

Message for International Readers
Understanding My Medical Context in Thailand

By Uniqcret, M.D.
 

Dear readers,
 

My name is Uniqcret, which is my pen name used in all my medical writings. I am a Doctor of Medicine trained and currently practicing in Thailand, a developing country in Southeast Asia.
 

The medical training environment in Thailand is vastly different from that of Western countries. Our education system heavily emphasizes rote memorization—those who excel are often seen as "walking encyclopedias." Unfortunately, those who question, critically analyze, or solve problems efficiently may sometimes be overlooked, despite having exceptional clinical thinking skills.
 

One key difference is in patient access. In Thailand, patients can walk directly into tertiary care centers without going through a referral system or primary care gatekeeping. This creates an intense clinical workload for doctors and trainees alike. From the age of 20, I was already seeing real patients, performing procedures, and assisting in operations—not in simulations, but in live clinical situations. Long work hours, sometimes exceeding 48 hours without sleep, are considered normal for young doctors here.
 

Many of the insights I share are based on first-hand experiences, feedback from attending physicians, and real clinical practice. In our culture, teaching often involves intense feedback—what we call "โดนซอย" (being sliced). While this may seem harsh, it pushes us to grow stronger, think faster, and become more capable under pressure. You could say our motto is “no pain, no gain.”
 

Please be aware that while my articles may contain clinically accurate insights, they are not always suitable as direct references for academic papers, as some content is generated through AI support based on my knowledge and clinical exposure. If you wish to use the content for academic or clinical reference, I strongly recommend cross-verifying it with high-quality sources or databases. You may even copy sections of my articles into AI tools or search engines to find original sources for further reading.
 

I believe that my knowledge—built from real clinical experience in a high-intensity, under-resourced healthcare system—can offer valuable perspectives that are hard to find in textbooks. Whether you're a student, clinician, or educator, I hope my content adds insight and value to your journey.
 

With respect and solidarity,

Uniqcret, M.D.

Physician | Educator | Writer
Thailand

bottom of page