top of page
Writer's pictureMayta

ซิฟิลิสในสตรีตั้งครรภ์ (Syphilis in Pregnancy) Lab FTA-ABS or TPPA Then RPR/VDRL. Treatment with Benzathine Penicillin G


Syphilis: High-Yield Recap for Clinical Practice

1. Clinical Manifestations

  1. Primary Syphilis

    • Incubation: 3–90 days (~3 weeks average).

    • Symptoms:

      • Chancre: Painless, firm, non-purulent ulcer with raised edges at the site of inoculation.

      • Lymphadenopathy: Bilateral, non-tender inguinal lymph node enlargement.

    • Resolution: Resolves spontaneously in 2–8 weeks without treatment.

  2. Secondary Syphilis

    • Onset: 4–10 weeks after chancre onset.

    • Symptoms:

      • Rash: Generalized, often involves palms and soles.

      • Condyloma Lata: Moist, wart-like lesions in intertriginous areas.

      • Systemic Symptoms: Fever, malaise, headache.

    • Course: Symptoms may recur episodically within the first year.

  3. Latent Syphilis

    • Asymptomatic Stage: Diagnosed via serological testing.

    • Stages:

      • Early Latent (<1 year): Infectious.

      • Late Latent (>1 year): Non-infectious except vertical transmission.

  4. Tertiary Syphilis

    • Timeline: Develops 3–10 years post-infection if untreated.

    • Manifestations:

      • Gummas: Soft-tissue granulomas on skin, bones, or liver.

      • Cardiovascular: Aortic aneurysms or aortitis.

      • Neurosyphilis: Tabes dorsalis, general paresis.

2. Effects on Pregnancy and Fetus

  1. Congenital Syphilis:

    • Timing: Transplacental transmission occurs after 18 weeks of gestation.

    • Outcomes:

      • Severe: Stillbirth, hydrops fetalis.

      • Neonatal: Hepatosplenomegaly, jaundice, anemia, thrombocytopenia.

  2. Untreated Syphilis:

    • Risks: Preterm birth, low birth weight, neonatal infection.

3. Screening and Diagnosis

  1. CDC Guidelines:

    • Screen all pregnant women at the first prenatal visit.

    • Rescreen high-risk patients at 28 weeks and delivery.

  2. Tests:

    • Non-Treponemal (RPR/VDRL): Screening and monitoring treatment response.

    • Treponemal (TPPA, EIA): Confirmation.

  3. Reverse Algorithm:

    • Step 1: Start with a Treponemal test, FTA-ABS, and TPPA (more expansive are EIA/CIA).

    • Step 2: Confirm positive results with RPR/VDRL.

    • Step 3: Resolve discordant results with a second Treponemal test.

  4. Neurosyphilis Workup:

    • Indicated if neurological symptoms or high-risk latent syphilis.

    • CSF Findings: Positive VDRL, elevated WBC (>20 cells/mm³).

4. Treatment

  1. First-Line Therapy:

    • Benzathine Penicillin G is the treatment of choice.

  2. Stage-Specific Regimens:

    • Early Syphilis: 2.4 million units IM once.

    • Late Latent or Unknown Duration: 2.4 million units IM weekly × 3 weeks.

    • Neurosyphilis: 18–24 million units/day IV × 10–14 days.

  3. Penicillin Allergy:

    • Desensitization required for pregnancy to ensure fetal protection.

  4. Jarisch-Herxheimer Reaction:

    • Acute febrile reaction post-treatment due to rapid spirochete lysis.

    • Monitor pregnant women for uterine contractions.

5. Follow-Up

  1. Serology Monitoring:

    • Recheck RPR/VDRL titers at 6 and 12 months post-treatment.

    • Successful treatment: Fourfold titer reduction.

  2. Pregnancy-Specific:

    • Monitor titers at 28–32 weeks and delivery.

    • Ultrasound for fetal surveillance if indicated.


 

อ่านแบบภาษาไทยด้านล่าง


 

1. บทนำ (Introduction)

ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นการติดเชื้อเรื้อรัง (chronic infection) ที่เกิดจากแบคทีเรียรูปเกลียว Treponema pallidum ซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติในหลายระบบของร่างกาย หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาทันท่วงที ในสตรีตั้งครรภ์ซิฟิลิสถือเป็นภาวะที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจมีการแพร่เชื้อผ่านรก (transplacental transmission) ไปยังทารกในครรภ์ ทำให้เกิดภาวะ ซิฟิลิสโดยกำเนิด (Congenital Syphilis, CS) ส่งผลให้ทารกอาจแท้ง ตายคลอด หรือพิการรุนแรงได้


 

2. ระบาดวิทยาและผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ (Epidemiology & Impact on Pregnancy)

  • อุบัติการณ์ (Prevalence)


    อาจแตกต่างกันตามภูมิภาคและประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุข หากสตรีตั้งครรภ์เข้าถึงการฝากครรภ์ได้ล่าช้า หรือไม่มีการตรวจคัดกรองและรักษาอย่างเหมาะสม อุบัติการณ์ของซิฟิลิสจะสูงขึ้น

  • ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์

    1. เพิ่มความเสี่ยงในการแท้ง (spontaneous abortion) โดยเฉพาะหลังอายุครรภ์ 4 เดือน

    2. เพิ่มอัตราการตายคลอด (stillbirth) และการคลอดก่อนกำหนด (preterm labor)

    3. ทารกอาจเจริญเติบโตช้า (intrauterine growth restriction, IUGR)

    4. ทารกอาจเกิดภาวะบวมน้ำ (hydrops fetalis) และเป็นซิฟิลิสโดยกำเนิด (congenital syphilis)


 

3. พยาธิสรีรวิทยาและการแพร่เชื้อ (Pathophysiology & Transmission)

  • เชื้อก่อโรค


    Treponema pallidum เป็นแบคทีเรียสไปโรขนาดเล็ก สามารถแทรกผ่านรอยฉีกขาดหรือเยื่อบุบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ แล้วเข้าสู่กระแสเลือดและต่อมน้ำเหลือง

  • การแพร่เชื้อ

    1. ทางเพศสัมพันธ์: เกิดจากการสัมผัสกับรอยโรคที่มีเชื้อหนาแน่น เช่น แผลริมแข็ง (chancre)

    2. จากมารดาสู่ทารก: เชื้อผ่านรกได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่สอง (โดยเฉพาะหลัง 18 สัปดาห์) หรือระหว่างคลอดทางช่องคลอด หากมีรอยโรคอยู่

กระบวนการก่อโรคของซิฟิลิส คือ เชื้อจะทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือดขนาดเล็ก (endarteritis) ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัว ตีบตัน และเกิดแผลในเนื้อเยื่อ หรือบนผิวหนังตามระยะการดำเนินโรค


 

4. อาการแสดงของซิฟิลิส (Clinical Manifestations)

4.1 ซิฟิลิสปฐมภูมิ (Primary Syphilis)

  • ใช้ระยะฟักตัวประมาณ 3–90 วัน (โดยเฉลี่ย ~3 สัปดาห์)

  • เกิด แผลริมแข็ง (chancre) ที่มีลักษณะเฉพาะ: แผลสีแดง ฐานแข็ง ขอบยกนูน ไม่ค่อยมีหนอง และไม่เจ็บ

  • มักพบต่อมน้ำเหลืองขาหนีบโตทั้งสองข้าง

  • ระยะนี้มักหายเองได้ใน 2–8 สัปดาห์ แม้จะไม่ได้รับการรักษา

4.2 ซิฟิลิสทุติยภูมิ (Secondary Syphilis)

  • เกิดตามหลังระยะปฐมภูมิประมาณ 4–10 สัปดาห์

  • เชื้อแพร่กระจายทั่วร่างกาย อาการที่พบบ่อย ได้แก่

    1. ผื่นตามผิวหนัง (diffuse macular rash) โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า

    2. ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ (alopecia)

    3. แผลในเยื่อบุผิว (mucous patch)

    4. รอยโรค condyloma lata ในบริเวณอับชื้น (เช่น ขาหนีบ รักแร้)

    5. อาจมีไข้ ปวดเมื่อยตัว ปวดศีรษะ หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (~1–2%)

  • ในระยะนี้อาการอาจเป็น ๆ หาย ๆ ได้ถึง 1 ปี หากไม่ได้รับการรักษา

4.3 ซิฟิลิสระยะแฝง (Latent Syphilis)

  • ไม่มีอาการทางคลินิก แต่ผลตรวจเลือดยังคงเป็นบวก

  • แบ่งเป็น

    1. Early Latent: ติดเชื้อมา < 1 ปี

    2. Late Latent/Unknown Duration: ติดเชื้อมานาน ≥ 1 ปี หรือไม่ทราบระยะชัดเจน

  • ในสตรีตั้งครรภ์ แม้จะเป็นระยะ Late Latent ก็ยังสามารถแพร่เชื้อผ่านรกได้ จำเป็นต้องรักษา

4.4 ซิฟิลิสระยะตติยภูมิ (Tertiary Syphilis)

  • พบน้อยในสตรีตั้งครรภ์เพราะต้องใช้เวลาหลายปี (3–10 ปี หรือมากกว่านั้น)

  • รอยโรคเด่นในระยะนี้ ได้แก่ Gumma (รอยโรคเนื้อเน่าคล้ายก้อน) ที่พบตามผิวหนัง กระดูก ตับ ม้าม ฯลฯ

  • อาจเกิด Neurosyphilis หรือ Cardiovascular syphilis (เช่น aortitis หรือ aneurysm)


 

5. ผลต่อการตั้งครรภ์และทารก (Pregnancy Outcomes)

  • ซิฟิลิสโดยกำเนิด (Congenital Syphilis) มักเกิดเมื่อเชื้อแพร่ผ่านรกหลัง 18 สัปดาห์ (ช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกเริ่มทำงาน)

  • หากมารดาไม่ได้รับการรักษา อาจเพิ่มโอกาส:

    1. แท้งหลัง 4 เดือน

    2. ทารกตายคลอด (stillbirth)

    3. คลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักน้อย (low birth weight)

    4. ทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis) จากความผิดปกติของการทำงานของตับ และอาจมีภาวะซีด เกล็ดเลือดต่ำ


 

6. การคัดกรองและวินิจฉัย (Screening & Diagnosis)

  • แนวทาง CDC 2015 และประเทศไทย พ.ศ. 2558:

    • สตรีตั้งครรภ์ทุกคนควรตรวจคัดกรองซิฟิลิสตั้งแต่ฝากครรภ์ครั้งแรก

    • หากมีปัจจัยเสี่ยงสูง (high-risk) ควรตรวจซ้ำที่อายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ (ต้นไตรมาส 3) และตรวจอีกครั้งตอนคลอด

6.1 การทดสอบแอนติบอดีที่ไม่จำเพาะ (Non-Treponemal Tests: RPR, VDRL)

  • RPR (Rapid Plasma Reagin) และ VDRL (Venereal Disease Research Laboratory) เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกัน (reagin) ที่ตอบสนองต่อเชื้อ T. pallidum

  • ใช้สำหรับ คัดกรองเบื้องต้น และ ติดตามการรักษา (โดยการวัดค่าไตเตอร์ หากการรักษามีประสิทธิภาพ ไตเตอร์ควรลดลงสี่เท่า)

  • อาจเกิดผลลบลวง (false negative) ในระยะฟักตัว หรือมีผลบวกปลอม (false positive) ในผู้ป่วยที่มีโรคอื่น ๆ

6.2 การทดสอบแอนติบอดีที่จำเพาะ (Treponemal Tests)

  • ตรวจหาแอนติบอดีที่จำเพาะต่อเชื้อ T. pallidum เช่น

    • FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption)

    • TPPA/TPHA (Treponema pallidum Particle Agglutination)

    • EIA/CIA (Enzyme Immunoassay/Chemiluminescence Immunoassay)

  • เมื่อให้ผลบวกแล้ว มักบวกตลอดชีวิต แม้ได้รับการรักษาจนหาย จึงไม่เหมาะใช้ติดตามการรักษา

6.3 Traditional vs. Reverse Screening Algorithm

  • Traditional Algorithm: เริ่มด้วย Non-treponemal test (RPR/VDRL) → ยืนยันด้วย Treponemal test (FTA-ABS, TPPA ฯลฯ)

  • Reverse Algorithm: เริ่มด้วย Treponemal test (EIA/CIA) → ถ้าบวกทำ RPR/VDRL

    • ถ้า RPR/VDRL บวก → ยืนยันภาวะติดเชื้อซิฟิลิส

    • ถ้า RPR/VDRL ลบ → ควรตรวจ Treponemal test ตัวที่สอง (TPPA/TPHA) เพื่อแยกแยะผลบวกปลอม

  • ข้อดีของ Reverse Algorithm คือมีความไวสูงในการตรวจพบซิฟิลิสระยะแฝงหรือระยะแรกที่ RPR/VDRL อาจตรวจไม่พบ

6.4 การตรวจน้ำไขสันหลัง (CSF Analysis)

  • ประเมิน Neurosyphilis ในกรณีที่มีอาการสงสัยทางระบบประสาท หรือเป็น late latent syphilis ที่มีความเสี่ยงลุกลาม

  • โดยทั่วไป CSF-VDRL จะเป็นบวก และอาจพบ WBC ≥ 20 cell/mm³

  • ควรเจาะ CSF หาก

    1. มีอาการทางประสาท (เช่น การมองเห็นหรือการได้ยินผิดปกติ)

    2. RPR/VDRL มี titer สูง > 1:32

    3. พบ gumma, aortitis, หรือ iritis

    4. เป็นผู้ป่วย HIV ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

    5. เคยรักษาด้วยยาที่ไม่ใช่ penicillin มาก่อน


 

7. แนวทางการรักษา (Treatment)

7.1 หลักการทั่วไป (General Principles)

  1. Penicillin เป็นยาหลัก

    • Benzathine Penicillin G เป็นยาที่ได้รับการยืนยันว่าป้องกันการแพร่เชื้อสู่ทารกในครรภ์ได้ดีที่สุด

    • หากผู้ป่วย แพ้ penicillin ต้องทำ desensitization เพื่อกลับมาใช้ penicillin เพราะยาทางเลือกอื่นไม่สามารถป้องกัน congenital syphilis ได้มีประสิทธิภาพเทียบเท่า

  2. Jarisch-Herxheimer Reaction

    • อาจเกิดภายใน 24 ชั่วโมงหลังเริ่มฉีดยา อาการเช่น ไข้ ปวดเมื่อย ความดันโลหิตต่ำ

    • ในสตรีตั้งครรภ์อาจกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวหรือเกิดความผิดปกติชั่วคราวของ fetal heart rate แต่โดยทั่วไปไม่รุนแรงจนต้องหยุดยา


7.2 แนวทางการรักษาตามระยะ (Stage-Based Treatment)

  1. Early Infectious Syphilis (Primary, Secondary, Early Latent <1 ปี)

    • Benzathine Penicillin G 2.4 ล้านยูนิต ฉีดเข้ากล้าม (IM) ครั้งเดียว

    • ในบางแนวทางอาจฉีดซ้ำอีกเข็มในสัปดาห์ถัดมา เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นในสตรีตั้งครรภ์

  2. Late Latent Syphilis (≥1 ปี) หรือ Latent Syphilis ที่ไม่ทราบระยะ

    • Benzathine Penicillin G 2.4 ล้านยูนิต IM สัปดาห์ละครั้ง × 3 สัปดาห์ (รวม 7.2 ล้านยูนิต)

    • เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อผ่านรกและควบคุมการติดเชื้อ

  3. Tertiary Syphilis (ไม่รวม Neurosyphilis)

    • Benzathine Penicillin G 2.4 ล้านยูนิต IM สัปดาห์ละครั้ง × 3 สัปดาห์

  4. Neurosyphilis และ Ocular Syphilis

    • Aqueous Crystalline Penicillin G 3–4 ล้านยูนิต IV ทุก 4 ชั่วโมง (รวม 18–24 ล้านยูนิต/วัน) เป็นเวลา 10–14 วัน

    • ทางเลือก (Procaine Penicillin G + Probenecid) ใช้ในบางกรณี แต่หากแพ้ penicillin ควรทำ desensitization ก่อนเสมอ


 

8. การติดตามผลและประเมินการรักษา (Follow-Up & Monitoring)

  1. ติดตามระดับไตเตอร์ (RPR/VDRL)

    • โดยทั่วไปจะวัดที่ 6 และ 12 เดือนหลังรักษา ควรลดลงสี่เท่า (เช่น จาก 1:32 → 1:8)

    • กรณี Late Latent อาจใช้เวลา 12–24 เดือนกว่าจะลดลงอย่างชัดเจน

    • หากไตเตอร์ไม่ลดลง หรือเพิ่มขึ้นสี่เท่า อาจเป็นสัญญาณของการรักษาล้มเหลวหรือการติดเชื้อซ้ำ ควรเจาะ CSF เพื่อประเมิน neurosyphilis

  2. ในสตรีตั้งครรภ์

    • วัดไตเตอร์เพิ่มเติมที่ 28–32 สัปดาห์ และตอนคลอด ในกลุ่มเสี่ยงสูง

    • ควรทำอัลตราซาวด์ประเมินภาวะของทารก เช่น การเจริญเติบโต หรือทารกบวมน้ำ

  3. ทารกแรกเกิดจากมารดาที่ติดเชื้อ

    • ควรตรวจคัดกรองด้วย VDRL/RPR และ Treponemal test หากสงสัย Congenital Syphilis ให้ตรวจเพิ่มเติม (CBC, X-ray กระดูกยาว, CSF, และการตรวจร่างกายอื่น ๆ)


 

9. การป้องกันและมาตรการสาธารณสุข (Prevention & Public Health Measures)

  1. การฝากครรภ์อย่างทั่วถึง

    • ส่งเสริมให้มาฝากครรภ์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และตรวจคัดกรองซิฟิลิสทุกราย

  2. การดูแลและแจ้งคู่สัมผัส (Partner Notification & Treatment)

    • คู่สัมผัสทางเพศควรได้รับการตรวจและรักษาเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อซ้ำ

  3. การให้ความรู้ (Health Education)

    • ส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ

  4. เฝ้าระวังในชุมชนที่มีความชุกสูง

    • คัดกรองเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงหรือพื้นที่ที่อัตราการติดเชื้อสูง


 

10. บทสรุป (Conclusion)

ซิฟิลิสในสตรีตั้งครรภ์เป็นภาวะที่ต้องให้ความสำคัญอย่างสูงในเชิงเวชปฏิบัติและสาธารณสุข เนื่องจากอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่รุนแรงทั้งต่อมารดาและทารก การคัดกรองอย่างทันท่วงทีด้วยวิธีที่เหมาะสม—ทั้ง Traditional และ Reverse Algorithm—ร่วมกับการวินิจฉัยที่แม่นยำ และการรักษาด้วย Penicillin (ซึ่งอาจต้องมีการทำ Desensitization หากผู้ป่วยแพ้ยา) คือหัวใจสำคัญในการป้องกันภาวะซิฟิลิสโดยกำเนิด (CS) ตลอดจนการตรวจติดตามระดับไตเตอร์ RPR/VDRL อย่างสม่ำเสมอ การประเมินความเสี่ยงซ้ำในไตรมาสที่สาม และการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและคู่นอน จะช่วยลดอุบัติการณ์การติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนในทารกได้อย่างมีนัยสำคัญ


 

ประเด็นสำคัญ (Key Takeaways)

  • Screening: สตรีตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจคัดกรองซิฟิลิสทุกราย ตั้งแต่การฝากครรภ์ครั้งแรก โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง

  • Diagnosis: ใช้ทั้ง Non-treponemal (RPR, VDRL) และ Treponemal test (FTA-ABS, TPPA ฯลฯ) ร่วมกัน หากใช้ Reverse Algorithm ต้องทดสอบหลายขั้นตอนเพื่อยืนยัน

  • Treatment: Penicillin G เป็นมาตรฐานการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการแพร่เชื้อสู่ทารก

  • Monitoring: RPR/VDRL เป็นตัวชี้วัดในการติดตามการรักษา ควรลดลงสี่เท่าในช่วง 6–12 เดือนหลังการรักษา

  • Prevention: ความรู้เรื่องพฤติกรรมเสี่ยง การแจ้งและรักษาคู่นอน รวมถึงมาตรการสาธารณสุข จะช่วยลดการระบาดและผลกระทบจากโรคซิฟิลิสในสตรีตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

0 views0 comments

Recent Posts

See All

สรุปแนวทางการดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) และโรคพิษแห่งครรภ์ระยะชัก (Eclampsia)

1. เกณฑ์การวินิจฉัยและการจำแนก 1.1 Preeclampsia วินิจฉัยเมื่อตรวจพบ : ความดันโลหิตตัวบน (SBP) ≥ 140 มม.ปรอท หรือความดันโลหิตตัวล่าง (DBP)...

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
Post: Blog2_Post
bottom of page