top of page
Writer's pictureMayta

สรุปแนวทางการดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) และโรคพิษแห่งครรภ์ระยะชัก (Eclampsia)

1. เกณฑ์การวินิจฉัยและการจำแนก

1.1 Preeclampsia

  • วินิจฉัยเมื่อตรวจพบ:

    1. ความดันโลหิตตัวบน (SBP) ≥ 140 มม.ปรอท หรือความดันโลหิตตัวล่าง (DBP) ≥ 90 มม.ปรอท อย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน ≥ 4 ชั่วโมง หลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์

    2. ร่วมกับโปรตีนในปัสสาวะ ≥ 300 มก./วัน หรือ UPCI ≥ 0.3 หรือ Dipstick ≥ 1+

    3. หรือในกรณีที่มี severe features (ข้อใดข้อหนึ่งด้านล่าง) ก็วินิจฉัยได้ แม้ไม่มีโปรตีนในปัสสาวะ

  • Severe Features (มีอย่างน้อย 1 ข้อ):

    1. ความดันโลหิต ≥ 160/110 มม.ปรอท

    2. เกล็ดเลือด < 100,000 /µL

    3. Creatinine > 1.1 มก./ดล. หรือเพิ่มเป็น 2 เท่าโดยไม่มีโรคไตเดิม

    4. มีภาวะน้ำท่วมปอด (pulmonary edema)

    5. การทำงานของตับผิดปกติ: ปวดบริเวณลิ้นปี่/ใต้ชายโครงขวารุนแรง หรือค่าเอนไซม์ตับ (AST/ALT) สูงอย่างน้อย 2 เท่าของปกติ

    6. อาการทางสมอง/ทางสายตา: ปวดศีรษะรุนแรง เห็นแสงวูบวาบ ตามัว ฯลฯ

1.2 Eclampsia

  • Preeclampsia ที่มีอาการชัก (ไม่พบสาเหตุอื่นอธิบายได้ เช่น โรคลมชักเดิมหรือความผิดปกติของเกลือแร่)

  • การชักมักเป็นช่วงสั้นๆ แต่มีอันตรายสูงต่อทั้งมารดาและทารก

1.3 HELLP Syndrome

  • กลุ่มอาการ Hemolysis, Elevated Liver enzymes, Low Platelet

  • เป็นภาวะรุนแรง ต้องดูแลอย่างเร่งด่วน


 

2. การดูแลภาวะ Preeclampsia

2.1 Preeclampsia (ไม่มี severe features)

  • หลักการ: ติดตามใกล้ชิด ควบคุมความดันโลหิต ประเมินอาการ ทารกในครรภ์ และอายุครรภ์

  • ติดตามเป็นผู้ป่วยในหรือนอก:

    • ต้องแน่ใจว่าผู้ป่วยเข้าใจสัญญาณอันตราย ถ้าเป็นผู้ป่วยนอกต้องมาตรวจสม่ำเสมอ

    • วัดความดันโลหิตสม่ำเสมอ เจาะเลือดและปัสสาวะ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์

    • ประเมินสุขภาพทารกด้วย Non-Stress Test (NST) หรือวิธีอื่นตามความเหมาะสม

  • ให้คลอด (Delivery):

    • เมื่ออายุครรภ์ ≥ 37 สัปดาห์ หรือหากโรคควบคุมไม่ได้หรือมีภาวะรุนแรงเพิ่ม

2.2 Preeclampsia with Severe Features

  • ควรรับรักษาในโรงพยาบาลทันที

  • การให้ยาป้องกันชัก (Anticonvulsant prophylaxis):

    • Magnesium Sulfate (MgSO4​) เป็นยาหลัก ป้องกันชักและลดอัตรา eclampsia ได้ดีที่สุด

    • Loading dose: 4 g IV (ใน 20% MgSO4​) ฉีดช้า (≤1 g/นาที)

    • Maintenance dose: 1-2 g/ชม. หยดทาง IV ต่อเนื่อง (ครบ 24 ชม. หลังคลอด)

    • ติดตามภาวะเป็นพิษของ MgSO4 ได้แก่ การหายไปของ deep tendon reflex, RR < 12-14 ครั้ง/นาที, ปัสสาวะออก < 25 มล./ชม.

    • เตรียม Calcium gluconate 1 g IV เผื่อแก้พิษ

  • การควบคุมความดันโลหิต:

    • เริ่มยาลดความดันเมื่อ BP ≥ 160/110 มม.ปรอท เพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดสมองแตก

    • ยาที่ใช้บ่อย: Hydralazine IV, Labetalol IV, หรือ Nifedipine ชนิดออกฤทธิ์เร็ว (oral)

  • การให้คลอด:

    • การคลอดเป็นหนทาง “รักษาหายขาด”

    • ถ้าปากมดลูกพร้อม พิจารณาเหนี่ยวนำคลอด (induction) ด้วย Oxytocin, Prostaglandin หรือเจาะถุงน้ำคร่ำ

    • การผ่าตัดคลอด (C/S) ทำตามข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ หรือกรณีที่ประเมินแล้วว่าการรอคลอดทางช่องคลอดอาจเสี่ยงมากกว่าเอาไปผ่าคลอด

  • ดูแลระยะคลอด:

    • ให้ MgSO4 ต่อเนื่อง ควบคุมความดัน ป้องกันภาวะน้ำเกิน-น้ำขาด

    • Continuous fetal monitoring


 

3. การดูแลภาวะ Eclampsia

  • First aid: หลีกเลี่ยงการสำลัก เคลียร์ทางเดินหายใจ นอนตะแคงซ้าย ให้ออกซิเจน

  • ป้องกันการชักซ้ำด้วย MgSO4​ (เช่นเดียวกับ severe preeclampsia)

  • ควบคุมความดันโลหิต หาก BP ≥ 160/110 มม.ปรอท

  • ติดตามสุขภาพทารก: รอประเมินหลังหยุดชักสักระยะ เพราะอาจมี late deceleration ชั่วคราวจากภาวะขาดออกซิเจนระหว่างชัก

  • ให้คลอดทันทีหลังอาการมารดาคงที่

  • ระวังภาวะแทรกซ้อน: น้ำท่วมปอด, เลือดออกในสมอง, DIC, ไตวาย


 

4. การดูแลหลังคลอด

  • ให้ MgSO4 จนครบ 24 ชม. หลังคลอดเพื่อป้องกันการชัก

  • ระวังภาวะน้ำเกิน (pulmonary edema) ในช่วง diuresis หลังคลอด

  • ความดันเลือดมักกลับเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ หากยังสูงเกิน 160/110 อาจพิจารณาให้ยาลดความดันต่อ

  • ส่งเสริมให้นมบุตรได้ตามปกติ


 

5. การป้องกันครรภ์เป็นพิษซ้ำ

  • ในสตรีที่มีประวัติ preeclampsia หรือมีปัจจัยเสี่ยงสูง เช่น ครรภ์แฝด โรคไตเรื้อรัง โรคแพ้ภูมิตัวเอง ฯลฯ

  • พิจารณาให้ Aspirin ขนาด 75-81 มก./วัน เริ่มก่อน 16 สัปดาห์ (และหยุดเมื่อ 36 สัปดาห์ หรือก่อนคลอดประมาณ 7 วัน) ตามคำแนะนำของหลายองค์กรวิชาชีพ (ACOG, SMFM)


 

6. ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อนสำคัญ

  • แม่: เลือดออกในสมอง น้ำท่วมปอด หัวใจล้มเหลว ไตวาย ตับแตกหรือมีเลือดออกใต้แคปซูลตับ DIC

  • ทารก: รกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์ คลอดก่อนกำหนด ภาวะขาดออกซิเจน


 
สรุป:การดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ (preeclampsia) และโรคพิษแห่งครรภ์ระยะชัก (eclampsia) มุ่งเน้นการป้องกันชัก ควบคุมความดันโลหิต ป้องกันภาวะแทรกซ้อนในมารดาและทารก และตัดสินใจให้คลอดเมื่อเหมาะสมคือหัวใจหลักของการรักษา อาศัยทีมสหสาขาวิชาชีพและการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุดแก่ทั้งมารดาและทารกในครรภ์

1 view0 comments

Recent Posts

See All

Komen

Dinilai 0 daripada 5 bintang.
Belum ada penilaian

Tambah penilaian
Post: Blog2_Post
bottom of page